ภาพยนตร์ไทยที่เล่าเรื่องฟองสบู่แตก หลังฟองสบู่แตกปี 40

0 Comments

ภาพยนตร์

จากภาพยนตร์เรื่อง “ลูกบ้าเที่ยวล่าสุด” ที่เล่าเรื่องราวของยุคสมัยในเวลานั้นแล้ว เราลองมาดูภาพยนตร์ในยุคปัจจุบันที่เล่าย้อนความไปถึงเหตุการณ์หรือผลพวงที่ติดตามจากวิกฤตในตอนนั้นกันบ้าง อย่างภาพยนตร์เรื่อง “เพื่อนที่ระลึก” ซึ่งพึ่งสร้างและออกฉายสำเร็จในปี 2560 ที่พึ่งผ่านมา ตัวเรื่องได้มีการหยิบยกเอาตึกร้างย่านถนนเจริญกรุงมาเป็นสถานที่เกิดเหตุในเรื่อง ซึ่งตัวตึกร้างดังกล่าวก็เป็นผลพวงที่เกิดจากพิษเศรษฐกิจในช่วงฟองสบู่แตกเองเช่นกัน

เส้นเรื่องที่มีความน่าสนใจและผูกโยงกับเรื่องผี วิญญาณและคำสัญญาได้หลอกหลอนเป็นเสมือนเงาตามตัวผู้คนในสังคม เฉกเช่นเดียวกับภาระหนี้สินที่ต้องจ่ายเป็นจำนวนกว่า 1 ล้านล้านบาท ที่เป็นหนี้เสียที่เกิดจากพิษเศรษฐกิจก็อาจจะนับได้ว่าเป็นสิ่งที่หลอกหลอนความคิดและชีวิตผู้คนในสังคมไทยเช่นกัน นับเป็นภาพยนตร์ผีร้ายวิญญาณหลอนที่แทรกเรื่องเศรษฐกิจและสังคมให้ได้ขบคิดอย่างแนบเนียน

ตัวเนื้อหาของเรื่องสมุมติอยู่บนฐานคิดของสองครอบครัวที่มีฐานะค่อนข้างดีในช่วงก่อนเกิดวิกฤตปี 2540 ทั้ง อิ๊บและบุ๋ม ที่ครอบครัวต้องพังไปพร้อมๆกัน เมื่อตึกคอนโดหรูที่พ่อของพวกเธอลงทุนร่วมกัน ถูกระงับการก่อสร้างจากเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ลง กลายเป็นคนมีหนี้สินหลายร้อยล้าน บ้านที่เคยอยู่มาทั้งชีวิตก็ถูกยึดสมบัติในบ้านถูกนำมาเปิดท้ายขายของในราคาถูก อิ๊บและบุ๋มรับมือกับความล่มสลายของครอบครัวไม่ไหว จึงตัดสินใจจะฆ่าตัวตายพร้อมกัน บน “ตึก” ที่เคยสัญญาว่าจะอยู่ด้วยกันตลอดไป แต่คนที่ตายกลับเป็นแค่        อิ๊บเพียงคนเดียว ผ่านไป 20 ปี บุ๋ม เติบโตกลายเป็นนักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ และได้กลับไปที่ตึกนั้นอีกครั้ง เพื่อจะทำการปรับปรุงขึ้นใหม่ พร้อมกับ เบล ลูกสาวผู้เป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเธอ หลังจากนั้นก็เกิดเหตุการณ์แปลกๆขึ้นกับเบลอยู่เสมอๆ เสมือนเป็นการทวงคำสัญญาจากอิ๊บกับบุ๋ม ที่จะไม่ปล่อยให้เพื่อนรักต้องไปตายตามลำพัง

แม้ตัวเรื่องจะวนเวียนกับเรื่องผีและวิญญาณตามแบบหนังผีแบบไทยๆ แต่ก็ได้แทรกสัญญะความหมายทางเศรษฐกิจและพิษภัยที่เกิดจากวิกฤตปี 2540 ไว้อย่างดี เป็นเสมือนข้อคิดและสิ่งเตือนใจว่าพิษภัยที่เกิดขึ้นกับเราในครั้งนั้นไม่ได้เลือนหายไปไหน และยังคงเวียนวนหลอกหลอนอยู่กับผู้คนและสังคมไทยไปอีกนาน เป็นแผลเป็นที่ยากต่อการรักษาให้หายขาดได้ หรือจะเป็นภาพจำที่อาจจะบ่งบอกได้ว่าผีร้ายทางเศรษฐกิจตนนี้จะไม่หายไป ถ้าเรายังนิ่งเฉยและไม่คิดจะแก้ไขมัน

Tags: